หลังจากปี 2558 เป็นต้นไปการทำธุรกิจบ้านมือสองในประเทศไทยจะไม่ได้มีเฉพาะคนไทย แต่เพื่อนบ้านอย่างประเทศสิงคโปร์และมาเลเซียก็จะเข้ามาทำงานแข่งขันกับนายหน้าในบ้านเรามากขึ้น การเปิดเสรีดังกล่าวจะทำให้นายหน้าไทยเสียเปรียบต่างชาติ คือ เราไม่สามารถเดินทางไปทำธุรกิจในบ้านเขา เนื่องจากในประเทศอื่นๆมีกฎหมายควบคุมการทำงานของนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งมีการออกใบอนุญาตที่ถูกต้องตามกฏหมาย ในขณะที่ไทยเรายังล้าหลังในเรื่องนี้มาก คาดว่าหากไทยยังไม่มีพ.ร.บ.นายหน้าเราคงทำได้แค่รับมือกับการแข่งขันที่จะเพิ่มขึ้น ไม่มีสิทธิที่จะบุกตลาดในประเทศอื่นๆในอาเซียนได้เลย
ไม่ใช่เฉพาะเรื่องกฎหมายเท่านั้นที่ยังทำให้นายหน้าไทยเสียเปรียบ แต่เรื่องศักยภาพก็น่าจะยังไม่สามารถแข่งขันกับต่างชาติได้ เนื่องจากเรามีจุดอ่อนด้านภาษาอังกฤษ รวมทั้งภาษาท้องถิ่นของประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากนายหน้าในประเทศไทยนั้นไม่ได้กำหนดเรื่องพื้นฐานของการศึกษา ใครจะทำก็สามารถทำได้โดยไม่มีข้อบังคับหรือกรอบการทำงานที่ถูกต้อง ทั้งๆที่เป็นธุรกิจที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าตลาดบ้านมือสองในประเทศไทยน่าจะมีปัจจัยบวกที่ส่งเสริมให้ธุรกิจกระเตื้องขึ้นได้ หากรัฐบาลให้ความสำคัญกับมาตรการในการกระตุ้นให้เกิดการซื้อ-ขายบ้านมือสอง ซึ่งจะต้องมีความชัดเจนกว่าที่ผ่านมา
ธุรกิจนี้น่าจะดีขึ้นอย่างชัดเจนตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2 ขึ้นไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับมาตรการในการป้องกันน้ำท่วมในอนาคต หากภาครัฐให้ความสำคัญกับปัญหาดังกล่าว เชื่อว่าจะไม่ทำให้เกิดผลกระทบต่อธุรกิจบ้านมือสองอย่างแน่นอน แต่ถ้าปีนี้น้ำท่วมซ้ำก็จะมีผลต่อการชะลอการตัดสินใจซื้อไปอีก เนื่องจากที่ผ่านมาทำเลที่ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วมเป็นที่ตั้งของทรัพย์มือสองจำนวนมาก ในขณะเดียวกันพฤติกรรมการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคได้ให้ความสำคัญเรื่องปัจจัยน้ำท่วม นอกจากนี้แล้วทิศทางตลาดจะดีขึ้นมากน้อยแค่ไหนจำเป็นต้องรอดูสัญญาณจากภาวะเศรษฐกิจในยุโรป ที่อาจส่งผลกระทบต่อการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ในเอเชียค่อนข้างสูง