การดำเนินธุรกิจติดตั้งกล้องวงจรปิดอย่างมีทิศทางที่เหมาะสม

แม้ธุรกิจนี้จะใช้เงินลงทุนไม่มากนัก เป็นธุรกิจที่ไม่สลับซับซ้อนขั้นตอนการเปิดธุรกิจไม่ยาก ไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญมากนัก ทั้งยังสามารถเรียนรู้กรตำเนินธุรกิจได้ไม่ยาก และธุรกิจติดตั้งกล้องวงจรปิดนี้ยังมีโอกาสประสบความสำเร็จ เนื่องด้วยภาวะปัจจุบันที่ปัญหาสังคมเศรษฐกิจรุมเร้า ทั้งหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ เอกชนต่างต้องการความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินเพิ่มมากขึ้น ต้องการใช้บริการด้านความปลอดภัยจากบริษัทที่ได้มาตรฐาน การบริหาจัดการองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นปัจจัยที่สำคัญมากต่อความสำเร็จขององค์กร

การวางแผนการดำเนินธุรกิจอย่างมีทิศทางที่เหมาะสมสอดคล้องกับปัจจัยภายนอกและภายในองค์กร พร้อมทั้งควบคุมและการวัดผลการดำเนินงานเพื่อให้ทราบว่าองค์กรประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้หรือไม่ เช่นวัดความพึงพอใจของลูกค้า ประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานและหน่วยปฏิบัติการ แล้วมีข้อมูลย้อนกลับเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการปรับปรุงและกำหนดมาตรฐานการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง โดยผู้ประกอบงานติดตั้งกล้องวงจรปิดควรมุ่งเน้นให้บริการด้วยราคาที่ต่ำ เพื่อดึงดูดการตัดสินใจของลูกค้า

ผู้ที่จะแข่งขันด้วยกลยุทธ์นี้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพิจารณาภาพรวมการำเนินงายอย่างยิ่งครบวงจร เพื่อหาจุดบกพร่องและทางรั่วไหลของค่าใช่จ่ายต่างๆที่อาจเกิดขึ้น และพยามยามลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นให้ได้มากที่สุดโดยดำเนินงานงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อลดต้นทุนในการดำเนินงาน ทั้งต้นทุนคงที่และผันแปร ทั้งนี้ผู้ที่จะแข่งขันด้วยกลยุทธ์นี้ควรมีเงินทุนสำรองที่มากพอ อย่างไรก็ตามพบว่าผู้ประกอบการติดตั้งกล้องวงจรปิดส่วนใหญ่ไม่นิยมแข่งขันด้วยกลยุทธ์นี้ เพราะการเสนอบริการด้วยราคาต่ำ ลูกค้ามักมองว่าคุณภาพงานบริการก็ลดลงด้วย ทำให้ภาพลักษณ์ของบริษัทนั้นดูไม่ดี

จี้รัฐเร่งอุดหนุนเอสเอ็มอีค้าขายชายแดน

นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยในการสัมมนา “โอกาสและความท้าทายของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย ภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีอาเซียน”ว่า รัฐบาลควรส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีของไทย ทำการค้าขายผ่านช่องทางบริเวณชายแดนมากขึ้น เนื่องจากเป็นช่องทางที่เอสเอ็มอีสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้น และภาครัฐควรเร่งแก้อุปสรรคการค้าชายแดน เช่น พิธีการศุลกากร โครงข่ายถนนโดยเฉพาะในประเทศเพื่อนบ้าน โดยมูลค่าการค้าชายระหว่างไทย กับประเทศเพื่อนบ้านมากถึง 1.1 ล้านล้านบาท แยกเป็นการค้าชายแดนมากถึง 918,000 ล้านบาท และคาดว่า ภายใน 2- 3 ปีข้างหน้า มูลค่าการค้าชายแดน จะเพิ่มเป็น 2 ล้านล้านบาท จากยอดส่งออกรวมของประเทศ 7.2 ล้านล้านบาท

“อุปสรรคการค้าผ่านแดน ยังมีประเด็นการอำนวยความสะดวกทางการค้า ซึ่งจะต้องได้รับการแก้ไขจากรัฐบาล เช่น ด้านพิธีการศุลกากร โครงข่ายถนนโดยเฉพาะในประเทศเพื่อนบ้าน มาตรการกีดกันทางการค้าในรูปของการจำกัดโควต้ารถขนส่งสินค้าเข้าประเทศของ กัมพูชา ขณะที่มาเลเซียกำหนดให้เปลี่ยนรถบรรทุก ส่วนไทยเปิดให้รถขนส่งสินค้าจากประเทศเพื่อนบ้านได้จนถึงสนามบินสุวรรณภูมิ รวมถึงปัญหาเรื่องแหล่งกำหนดของสินค้าซึ่งรัฐบาลจะต้องศึกษาและเจรจากับ รัฐบาลประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งหากลดอุปสรรคเหล่านี้จะทำให้ไทยสามารถค้าขายผ่านชายแดนได้ตามเป้าหมาย 2 ล้านล้านบาทแน่นอน เพราะเร็วๆนี้บริเวณชายแดนไทยที่มีทั้งหมด 34 แห่ง จะเปิดเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันเปิดอยู่ที่ 18 แห่ง”

นายปิยะบุตร ชลวิจารณ์ รองประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและคณะกรรมการสภาธุรกิจไทย-สหภาพยุโรป กล่าวว่า ไทยได้เจรจาข้อตกลงเขตการค้าเสรีไว้กับหลายประเทศรวม 11 ฉบับ เช่น ความตกลงเขตการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย ข้อตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น ซึ่งช่วงที่ผ่านมา มีอุปสรรค แต่การค้าการลงทุนระหว่างกันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการค้าระหว่างกันยังเติบโตขึ้น เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ผู้ประกอบการไทย จะต้องมีข้อมูลประเทศที่จะเข้าไปทำการค้าการลงทุน

“ภาพรวมผู้ประกอบการไทยมีความได้เปรียบในหลายด้านที่เหนือกว่า เพราะองค์ความรู้ในการผลิตสินค้า และไทยเข้าสู่ประเทศอุตสาหกรรมมาถึง 50 ปีแล้ว ปัจจุบันยังมีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมากกว่า 3 ล้านราย ในจำนวนนี้ 2 ล้านราย ทำธุรกิจค้าปลีก”

กฎหมายไทยยังมีการจำกัดสิทธิการถือครองอสังหาริมทรัพย์ทาวน์เฮ้าส์

การที่ผู้ประกอบการไทยจะเข้าไปบุกตลาดที่อยู่อาศัยในประเทศอาเซียนได้อาจเป็นเรื่องค่อนข้างท้าทายในระยะสั้น เพราะหัวใจหลักของธุรกิจที่อยู่อาศัยเป็นเรื่องของ Location หากผู้ประกอบการที่แต่เดิมทำตลาดที่อยู่อาศัยเฉพาะในกรุงเทพฯ http://www.bkkcitismart.com/Townhouseคิดจะไปทำตลาดในต่างจังหวัด ย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องอาศัย Local Partner ในเรื่องของการหาทำเล ดังนั้นหากมองในแง่ของตลาดต่างประเทศ จึงน่าจะยากกว่าตลาดในประเทศมากขึ้นไปอีก รวมถึงเรื่องของกฎระเบียบของแต่ละประเทศที่แตกต่างกัน ขณะที่ธุรกิจที่อยู่อาศัย มีกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก

แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นกับว่าเมื่อเกิด AEC จะมีการลดกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรค หรือมีการปรับกฎระเบียบต่างๆให้เป็นมาตรฐานเดียวกันมากน้อยเพียงใด ซึ่งการที่จะมีชาวอาเซียนเข้ามาพักอาศัยในประเทศไทยมากขึ้น ทั้งจากการเข้ามาทำธุรกิจ ลงทุน การเคลื่อนย้ายแรงงาน โอกาสที่ตามมา คือเนื่องจากปัจจุบันกฎหมายไทยยังมีการจำกัดสิทธิการถือครองอสังหาริมทรัพย์ และการกู้ยืมเงินเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ของชาวต่างชาติ ดังนั้น หลังจากการเข้าสู่ AEC จึงขึ้นอยู่กับว่าหากธนาคารพาณิชย์ของไทยกับรัฐบาลไทยเอื้อให้ชาวต่างชาติเข้ามากกู้ยืมเงินเพื่อซื้อบ้านได้ ก็จะทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในกลุ่มลูกค้าอาเซียนมีโอกาสในการเติบโตขยายตัวเพิ่มมากขึ้น

อีกสิ่งที่ผู้ประกอบการควรทำความเข้าใจเพื่อรองรับกับโอกาสที่อาจจะเกิดได้ คือชาวต่างชาติไม่ใช่คนไทย คือเราเข้าใจความแตกต่างระหว่างชาวต่างชาติกับคนไทยมากน้อยแค่ไหน เราใช้สมมติฐานเดิมในการทำธุรกิจหรือเปล่าว่าคนที่ต้องการที่อยู่อาศัยต้องการ Product แบบนี้ แบบนั้น ทั้งๆที่นั่นอาจเป็นพฤติกรรมของคนไทยที่ผู้ประกอบการทาวน์เฮ้าส์มีความคุ้นเคย และอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ชาวต่างชาติ เช่น คนสิงคโปร์ เวียดนาม หรือฟิลิปปินส์ ต้องการ เพราะระดับรายได้ และ Lifestyle ของคนในแต่ละประเทศก็แตกต่างกัน

ไทยซัมซุง ประกันชีวิต ออกแบบประกัน ‘ทรัพย์ยืนยง 90’ ชูจ่ายเบี้ยต่ำ คุ้มครองชีวิต สุขภาพ และอุบัติเหตุ

นายบัณฑิต เจียมอนุกูลกิจ ประธานบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยซัมซุง ประกันชีวิต กล่าวว่า บริษัทได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ และจัดแพ็คเกจประกันชีวิต ที่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ภาวะที่ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันมีแนวโน้มสูงขึ้น และความเสี่ยงต่างๆ เพิ่มมากขึ้น โดยกรมธรรม์ใหม่จะให้ผลประโยชน์และคุ้มค่าแก่ผู้ถือมากที่สุด เพื่อสร้างความอุ่นใจและเป็นหลักประกันให้กับครอบครัวหากเกิดเสียชีวิต บาดเจ็บ ทุพพลภาพ หรือเจ็บป่วย

สำหรับ แบบประกัน ‘ทรัพย์ยืนยง 90’ เป็นการรับประกันตั้งแต่อายุ 1 วัน – 65 ปี จำนวนเงินเอาประกันภัยขั้นต่ำ 1 แสนบาท ชำระเบี้ยถึงอายุ 90 ปี คุ้มครองถึงอายุ 99 ปี สำหรับเงินเอาประกันตั้งแต่ 2.5 แสนบาทขึ้นไป มีส่วนลดเบี้ยประกัน 1 บาท ต่อทุกๆ เงินเอาประกัน 1,000 บาท และสำหรับวงเงินเอาประกันตั้งแต่ 6 แสนบาทขึ้นไป เพิ่มส่วนลดเป็น 2 บาทต่อทุกเงินเอาประกัน 1,000 บาท เริ่มจำหน่าย 1 พ.ย. นี้

“ทรัพย์ยืนยง 90 ให้ผลประโยชน์สูง แต่ลูกค้าจ่ายเบี้ยประกันในอัตราที่ต่ำมาก ยกตัวอย่าง ผู้ถือกรมธรรม์เพศหญิง อายุ 30 ปี จ่ายเบี้ยเพียงวันละ 35 บาท เท่านั้น ได้รับความคุ้มครองสูงถึง 1 ล้านบาท” นายบัณฑิต กล่าว

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้จัดทำแผนประกันสำเร็จรูปทั้งหมด 3 แผนให้เลือกด้วย ได้แก่ Silver, Gold และ Platinum ซึ่งทั้ง 3 แพ็คเกจนี้ จะมีความคุ้มครองชีวิตพ่วงความคุ้มครองอุบัติเหตุ ทุพพลภาพ (ADD) การถูกฆาตกรรม-ปองร้าย การก่อจลาจล (RCC) รวมทั้งค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยใน (H&S) ค่าชดเชยรายวันกรณีรักษาตัวเป็นผู้ป่วยใน (HB) และความคุ้มครองกรณีเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรง 50 ชนิด (DD 50) โดยผู้เอาประกันภัยสามารถเลือกชำระเบี้ยประกันภัยเป็นรายปี ราย 6 เดือน ราย 3 เดือน หรือ รายเดือน และได้ขยายเพดานเบี้ยประกันของสัญญาเพิ่มเติม H&S เพิ่มขึ้นอีก 4 แผน ซึ่งมีผลประโยชน์ค่าห้องที่สามารถซื้อได้สูงสุดเพิ่มเป็น 1 หมื่นบาท

 

แหล่งข่าวจาก posttoday…

ครีมกันแดดยี่ห้อไหนดีที่มีการขยายตัวไปยังกลุ่มผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย

คาดว่าในปีนี้ตลาดครีมกันแดดภายในประเทศจะมีมูลค่าการขยายตัวถึง 15% เนื่องมาจากปัจจัยทางด้านพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาให้ความสำคัญและใส่ใจดูแลกับรูปลักษณ์ภายนอกมากขึ้น โดยสัดส่วนผู้บริโภคที่ใช้ครีมกันแดดขยายตัวเพิ่มขึ้นช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการรายใหญ่ๆได้พยายามสร้างแรงจูงใจผู้บริโภคให้มีการใช้ครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน ไม่ใช่เฉพาะแต่หน้าร้อน ในอดีตครีมกันแดดเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความจำเป็นสำหรับลูกค้าเฉพาะกลุ่ม เช่น นักกีฬาหรือนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะเพศหญิง

แต่ปัจจุบันครีมกันแดดได้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นและมีการขยายตัวไปยังกลุ่มผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย นับตั้งแต่กลุ่มวัยรุ่น นักศึกษา ไปจนถึงวัยทํางานมากขึ้น รวมถึงกลุ่มสุภาพบุรุษที่ได้หันมาใส่ใจต่อสุขภาพผิวกันมาก ทำให้ผู้ประกอบการเร่งที่จะสร้างโอกาสในการขยายตัวทางการตลาด โดยสร้างผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคแต่ละกลุ่ม โดยแนวโน้มสถานการณ์ของตลาดครีมกันแดดในช่วงปีนี้คาดว่าตลาดจะขยายตัวสวนกระแสเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ซึ่งนับว่ามีอัตราการขยายตัวที่สูงเมื่อเทียบกับการขยายตัวของตลาดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวทั้งหมด

ซึ่งผู้ประกอบการยังคงต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยง คือ ค่าครองชีพที่สูงขึ้นทำให้ผู้บริโภคมีความระมัดระวังในการใช้จ่ายเลือกซื้อสินค้ามากขึ้น ประกอบกับแนวโน้มการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการไม่ว่าจะเป็นรายเก่าหรือรายใหม่ๆ ต้องเร่งจัดกิจกรรมโปรโมชั่นต่างๆออกมากระตุ้นและจูงใจให้ผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญของการใช้ครีมกันแดดยี่ห้อไหนดีตลอดทั้งปี สาเหตุมาจากครีมกันแดดถือเป็นสินค้าที่ได้รับอานิสงส์ในช่วงหน้าร้อน และมีแนวโน้มความต้องการเพิ่มมากขึ้นในทุกปี เนื่องจากปัจจุบันครีมกันแดดไม่ใช่สินค้าที่ต้องพึ่งพาฤดูกาลอีกต่อไป สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย และอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้เป็นปัจจัยหนุนความต้องการครีมกันแดดของผู้บริโภคขยายตัวไปยังกลุ่มผู้บริโภคกลุ่มอื่นๆครอบคลุมทุกเพศทุกวัยเพิ่มมากขึ้น