การทำให้ประเทศไทยก้าวสู่เศรษฐกิจดิจิทัล องค์กรเอ็นเตอร์ไพร์ซ รวมถึงธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก จะต้องลงทุนในโซลูชันที่ผสานการทำงานร่วมกันได้ เพื่อรองรับการใช้แอพพลิเคชันเอ็นเตอร์ไพร์ซแบบเดิม ร่วมกับแนวโน้มเทคโนโลยีล่าสุด เพื่อให้เกิดข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน ทั้งนี้โซลูชันพร้อมสรรพสำหรับอนาคตของเดลล์ ช่วยให้องค์กรธุรกิจในประเทศไทยสามารถดำเนินธุรกิจได้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยให้ระบบไอทีทำงานได้อย่างยืดหยุ่น รวดเร็ว ทั้งเรื่องการควบรวมการทำงาน dell กำหนดการทำงานตามซอฟต์แวร์ และใช้แอพพลิเคชันได้อย่างเหมาะสม
dell ผสานรวมทั้งความหนาแน่น และความมีประสิทธิภาพของเบลด เซิร์ฟเวอร์ ด้วยความเรียบง่ายและให้ข้อได้เปรียบเรื่องค่าใช้จ่ายสำหรับระบบงานแบบแร็ค จึงช่วยให้ลูกค้าสามารถบริหารจัดการ ขยายระบบและดูแลงบประมาณด้านระบบโครงสร้างพื้นฐานได้ดียิ่งขึ้น ตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจทั้งในปัจจุบันและในอนาคตได้เป็นอย่างดี สายผลิตภัณฑ์ dell PowerEdge FX จะรวมโมเดลใหม่เข้ามาสามรุ่นด้วยกัน เพื่อให้ทางเลือกหลากหลายยิ่งขึ้นสำหรับองค์กรที่ต้องการเปลี่ยนการใช้งานด้านแอพพลิเคชัน ช่วยให้ลูกค้าสามารถเพิ่มหรือสลับสับเปลี่ยนระบบโครงสร้างไอทีไปสู่เซิร์ฟเวอร์ระบบโครงสร้างพื้นฐานแบบ 2U ทั้งนี้ระบบโครงสร้างพื้นฐานแบบใหม่ได้แก่ PowerEdge FD332, PowerEdge FC430 และ PowerEdge FC830
นอกจากนี้ dell ยังได้ประกาศขยายฐานด้วยการเปิดตัว เซิร์ฟเวอร์ PowerEdge รุ่นที่ 13 รุ่นใหม่ ได้แก่ PowerEdge R930 ซึ่งเป็นเซิร์ฟเวอร์ที่ทรงพลังมากที่สุดของ dell โดยเฉพาะในเรื่องของการออกแบบ เพื่อให้รองรับการใช้แอพพลิเคชันเอ็นเตอร์ไพร์ซได้มากเป็นพิเศษ มีระบบประมวลผลตระกูล Intel Xeon E7-8800/4800 v3 สูงถึง 72 คอร์ มีหน่วยความจำสูงสุดถึง 6TB (96 DIMM) ใส่ฮาร์ดดิสก์ภายในได้ 24 ตัว และรองรับหน่วยเก็บข้อมูลประสิทธิภาพสูง PowerEdge Express Flash NVMe PCIe SSDs ได้ถึง 8 ตัว
โซลูชันที่เปิดตัวใหม่เหล่านี้ เสมือนเป็นพันธสัญญาของ dell ในการมุ่งเน้นให้ความสำคัญเรื่องของนวัตกรรมและความมุ่งมั่นที่มีต่อตลาดเซิร์ฟเวอร์ โดยเดลล์เพิ่งมีการฉลองครบรอบ 20 ปี สำหรับเซิร์ฟเวอร์ PowerEdge ไปเมื่อเร็วๆ นี้ และในวันนี้ ก็ยังคงรักษาสถานะของการเป็นเบอร์สอง ในตลาดเซิร์ฟเวอร์ x86 ทั่วโลก ซึ่งเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูงกว่า 600 เปอร์เซ็นต์มาตั้งแต่ปี 1996